Sunday, August 21, 2016

ติดคุก 10 ปี

มีชายสามคนโดนศาลพิพากษาลงโทษให้จำคุกในห้องขังเดี่ยวเป็นเวลา10ปี แต่ศาลท่านก็ยังใจดีให้พวกเขาได้นำของติดตัวเข้าไปได้1อย่างเพื่อคลายเหงา...

ชายคนแรก...ขอหนังสือสารานุกรมขนาดมหึมาเข้าไปด้วย
ชายคนที่สอง...ขอเอาผู้หญิงเข้าไปด้วยหนึ่งคน
ส่วนชายคนที่สาม...ขอเอาบุหรี่เข้าไปด้วย 100 คอตตอน

10 ปีผ่านไป... ชายทั้งสามก็ได้เวลาพ้นโทษเสียที ผู้คุมเดินไปเปิดประตูห้องขัง

ชายคนแรก...เดินออกมาแล้วบอกว่า ?ฉันอ่านหนังสือพวกนั้นหมดเกลี้ยงแล้ว ฉันรู้ทุกอย่างในโลกใบนี้
ชายคนที่สอง...ออกมาพร้อมกับภรรยาและลูกอีก 4 คนแล้วบอกว่า ? ฉันไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดกับผู้หญิงมากขนาดนี้มาก่อนเลย และตอนนี้ฉันก็มีครอบครัวที่แสนน่ารัก!
ชายคนที่สาม...เดินออกมาด้วยหน้าตาเซ็งสุดชีวิต แล้วบอกว่า ?ให้ตายสิวะ มีใครมีไฟแช็คมั้ย!!

คนตกงาน

มีคนตกงาน,นักปรัชญา,นักคณิตศาสตร์ 3คนเป็นเพื่อนรักกัน นัดกันมากินเหล้าไม่ได้เจอกันนาน กินเหล้าเมาเละขากลับฝนตก ระหว่างทางรถเสียหลักตกหน้าผาตายหมด ยมบาลให้ยมทูตมารับตัว พอถึงนรก3คนก็ร้องไห้ฟูมฟายไม่อยากตกนรก วันนั้นยมบาลเสือกสงสาร 

ยมบาล: ข้าให้โอกาสตั้งคำถามคนล่ะข้อให้ข้าตอบไม่ได้ ถ้าข้าตอบไม่ถูกไปขึ้นสวรรค์เลย 
นักคณิตศาสตร์: ข้อขอคนแรกน่ะ 
ยมบาล: จัดมา นักคณิตศาสตร์ก็ได้ตั้งสมการห่าไรไม่รู้ ประมาณ กระดาษA4...เสร็จ 
ยมบาล: ก่อนข้าจะมาเป็นยมบาลข้าก็เป็นนักคณิตศาสตร์มาก่อน 5นาทีผ่านไปยมบาลแก้สมการเสร็จถูกด้วย นักคณิตศาสตร์โดนเอาตัวไปกระทะทองแดงเลย 
ยมบาล: ใครจะเป็นรายต่อไป? 
นักปรัชญา: พอดีเลยเพิ่งคิดคำถามเสร็จ นักปรัชญาได้ถามเกี่ยวกับแบบแผนการใช้ชีวิต 
ยมบาล: เข้าทางข้าล่ะ ถ้าข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้จะเป็นยมบาลได้มั้ย ไม่ถึงนาทียมบาลตอบเรียบร้อยนักปรัชญาถูกส่งลงกระทะทองแดง 
คนตกงาน: มึงเอาตัวกูลงกระทะเลยดีมั้ย ถามอะไรก็ตอบถูกหมด 
ยมบาล: ไม่ได้!!! ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้วเดี๋ยวจะไม่เท่าเทียม 
คนตกงาน: งั้นก็ได้ ข้าขอเก้าอี้1ตัวเจาะรูตรงที่นั่ง 9 รู ทันทีทีได้เก้าอี้ คนตกงานนั่งแล้วตด ปู๊ด ด ด ด  !! คนตกงาน: ตดออกรูไหน? 
ยมบาล: ฮ่าๆข้ามีตาทิพย์ ตอบรูที่ 4 
คนตกงาน: ผิด! รูตูด 
ยมบาล: ไอ่สัส เอามันไปสวรรค์^^

ฉันมีแต่คุณไม่มี

สามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปี
กำลังนั่งรถไปงานเลี้ยงด้วยกัน
โดยภรรยาเป็นคนขับด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แล้วจู่ๆ สามีก็เอ่ยน้ำเสียงอย่างเย็นชาว่า
" เราแต่งงานกันมายี่สิบปีแล้ว ที่ผ่านมาคุณดีกับผมก็จริง
แต่ตอนนี้ผมพบคู่ชีวิตคนใหม่แล้ว เธอคือเลขาฯ คนสวยของผมเอง"
ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สามีพูดต่อว่า
"ผมต้องการหย่ากับคุณโดยเร็วที่สุด
ตลอดชีวิตการแต่งงานผมทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
ส่วนคุณทำแต่งานบ้านเท่านั้น
ดังนั้นหุ้นบริษัทกับบ้านหลังใหญ่ควรเป็นกรรมสิทธ์ของผม"
ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่งโมง
"ส่วนเงินในธนาคารห้าสิบล้าน ผมจะเจียดให้คุณไปทำทุนสักห้าแสน
นอกจากนี้คุณยังอยากได้อะไรอีกไหม"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ สิ่งที่ฉันอยากได้ที่สุดฉันมีแล้ว แต่คุณไม่มี"
ภรรยาตอบเสียงเย็นชาเช่นกัน
พลางกดคันเร่งเร็วขึ้นเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
"อะไรล่ะที่คุณมีแต่ผมไม่มีน่ะ"
"ถุงลมนิรภัย"

เรียกไอ้นั่นว่าอย่างไร

พิธีกร : มิส อเมริกา ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสอเมริกา : ในบ้านของไอ เราเรียกมันว่า สุภาพบุรุษ
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?
มิสอเมริกา: เพราะ ว่ามันลุกขึ้นทุกครั้ง ที่เห็นสุภาพสตรี
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)
พิธีกร : มิส สเปน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความ ของอวัยวะของ ผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสสเปน : นั่นของผู้ชาย ในประเทศของเรา เหมือนกับ วัวกระทิง
ที่เราใช้ในการแสดง การสู้วัวกระทิง
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสสเปน : เพราะ ว่า มันพุ่งเข้าหาทุกครั้ง ที่เห็นช่องเปิด
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)
พิธีกร :มิส ฟิลิปปินส์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัด ความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสฟิลิปปินส์ : ฉันพูดได้เลยว่า นั่นของผู้ชายในบ้านดิฉัน
เหมือนกับข่าวซุบซิบ และ ข่าวลือ
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสฟิลิปปินส์ : เพราะ ว่า มันผ่านจากปากนึง สู่อีกปากนึงต่อๆกัน
(เสียงปรบ มือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมทั้งลุกขึ้นโห่กรี๊ดลั่นต่อด้วยเสียงปรบมือยาว
พิธีกร : มิส อิหร่าน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัด ความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสอิหร่าน : โอ้ ในบ้านชั้น เราว่า นั่น
ของผู้ชายมันเหมือนกับ ขโมย
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสอิหร่าน : เพราะว่า พวกมันชอบเข้า ทางประตูหลัง
(เสียงปรบมือ แปะๆ แปะๆ! พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาวต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )
พิธีกร : มิส อินเดีย ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณ ให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสอินเดีย : อืม มม ในประเทศ ของฉานๆๆ เรา ว่านั่น ของผู้ชาย
มันคล้ายกับ กรรมกร
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสอินเดีย : เพราะว่าพวกมันต้องทำงานหนัก ทั้งกลางวันและกลางคืนน่ะสิ
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!ติดต่อกันยาวนาน )
พิธีกร : มิส มาเลเซีย ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสมาเลเซีย : อ้อ ในมาเลเซีย เราคิดว่านั่นของผู้ชายเหมือนรถโปรตอน
รถแห่งชาติ ของเรานี่แหละ
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสมาเลเซีย : เพราะ ว่า แม้ว่ามันจะดูบึกบึน แต่ความจริงแล้ว มันอ่อนมากๆๆ
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาวต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )
พิธีกร : มิส สิงค์โปร์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัด ความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสสิงค์โปร์ : ในสิงค์โปร์เราเรียกนั่นของผู้ชาย ว่าพวก Kia-Su (พวกกลัวพลาด)
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสสิงค์โปร์ : เพราะ พวกมันชอบที่จะพรวดพราดเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้ว
ก็รีบออกมา 15นาที ก่อนการแสดงจะจบทุกที
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ! ติดต่อกันยาวนาน )
พิธีกร : มิสไทยแลนด์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสไทยแลนด์ : ในประเทศของเรา เราเปรียบนั่นเหมือนกับนักการเมือง
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?
มิสไทยแลนด์ : อ๋อ เพราะว่า พวกมันวันๆ งานการไม่ทำ ได้แต่เดินแกว่งไป แกว่งมา
แล้วก็ ถุย!!! ไปวันๆ เท่านั้น

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา...
เรียนเก่งมาก...
ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์...
จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน...
บ้านของเด็กหนุ่ม...
อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...
ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง...
เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง...?
ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...
มันห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว...
โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...
ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...
ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?
80 บาท...
OK...ไปเลยลุง...
ในขณะที่ลุงแจวเรือ...
หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย...
ความก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง...
เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...
ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง...?
ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน...?
ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม...?
ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...
โอโฮ้...ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว...25 %....
แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง...?
ลุงไม่รู้หรอก...
ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %
ลุง...ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง...?
ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง...?
ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...
ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...
ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...
ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้...ชีวิตของลุง...หายไปแล้ว...75 %
พอดีช่วงนั้น...
เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...
นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...
ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?
ได้...จะถามอะไรหรือลุง...?
เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม...?
ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....
ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ...แล้วพ่อหนุ่ม...

หน้าอกเล็ก


สมศรี เป็นคนหน้าตาพอใช้ได้ แต่ไม่มีความสุขกับสรีระร่างกายของตัวเอง วันหนึ่งเธอจึงไปหาหมอประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียง
สมศรี : คุณหมอคะ ดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าอกเล็กค่ะ ทำอย่างไรดีคะ
หมอประดิษฐ์ : ง่ายนิดเดียวเอง แค่คุณสั่นแขนตลอดเวลา หน้าอกคุณก็จะใหญ่ขึ้นเอง
สมศรี: ขอบคุณค่ะหมอ
หล่อนกลับบ้านไปด้วยความดีใจ และจะสั่นแขนทุกครั้งที่มีโอกาส วันหนึ่งบนรถประจำทาง พร้อมพงศ์ชายหนุ่ม เห็นสมศรีกำลังทำท่าสั่นแขนอยู่ จึงเข้าไปถามว่า
พร้อมพงศ์ : คุณครับ... คุณไปหาหมอประดิษฐ์มาใช่ไหมครับ
สมศรี : ใช่ค่ะ อ้าว... แล้วคุณรู้ได้อย่างไรค่ะ
........
ทันใดนั้น สมศรีก็รู้คำตอบทันที.... เมื่อเห็นพร้อมพงศ์นั่งสั่นขาอยู่ตลอดเวลา

ชายผู้ยากจน

ชายผู้ยากจนถามพระพุทธเจ้าว่า,
"เหตุใดข้าพระองค์จึงยากจนนัก?"
พระพุทธองค์ตรัสตอบ,
"เธอไม่รู้วิธีให้"
ดังนั้นชายผู้ยากจนจึงพูดต่อว่า,
"ทั้งๆที่ข้าพระองค์ไม่มีสิ่งใดนี่นะ?"
พระพุทธองค์ตรัสว่า:เธอมีอยู่เล็กน้อย,
ใบหน้า, ซึ่งสามารถให้รอยยิ้ม
ปาก, เธอสามารถชื่นชม หรือปลอบประโลม
หัวใจ, มันสามารถเปิดอกกับผู้อื่น
ดวงตา, ที่สามารถมองดูผู้อื่นด้วยสายตาแห่งความหวังดี
ร่างกาย, ซึ่งสามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
ฉะนั้น,แท้จริงแล้วเราไม่ได้ยากจนเลย,
ความยากจนในจิตใจคือความยากจนอันแท้จริง