Thursday, February 28, 2008

20 ภาษา ที่แปลว่า "ฉันรักเธอ"

-`๏'- -ภาษาพม่า เรียกว่า จิต พา เด (chit pa de)
-`๏'- เขมร เรียกว่า บองสรันโอน(BonsroIahnoon)
-`๏'- เวียดนาม เรียกว่า ตอย ยิ่ว เอ๋ม (Toi yue em)
-`๏'- มาเลเซีย เรียกว่า ซายา จินตามู (Saya cintamu)
-`๏'- อินโดนีเซีย เรียกว่า ซายา จินตา ปาดามู (Saya cintapadamu)
-`๏'- ฟิลิปปินส์ เรียกว่า มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta)
-`๏'- ญี่ปุ่น เรียกว่า คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ (Kimi o ai X eru)
-`๏'- เกาหลี เรียกว่า โน รุย สะรัง เฮ (No-rui sarang hae)
-`๏'- เยอรมัน เรียกว่า อิคช์ ลิบ ดิกช์ (Ich Liebe Dich)
-`๏'- ฝรั่งเศส เรียกว่า เฌอแตม (Je taime)
-`๏'- ฮอลแลนด์ (ดัชต์) เรียกว่า อิค เฮา ฟาวน์ เยา (Ik hou van jou)
-`๏'- สวีเดน เรียกว่า ย็อก แอลสการ์ เด (Jag a Lskar dig)
-`๏'- อิตาลี เรียกว่า ติ อโม (Ti amo)
-`๏'- สเปน เรียกว่า เตอ เควียโร (Te quiero)
`๏'- รัสเซีย เรียกว่า ยาวาส ลุยบลิอู (Ya vas Liubliu)
-`๏'- โปรตุเกส เรียกว่า อโม-เท (Amo-te)
-`๏'- จีนกลาง เรียกว่า หว่อ อ้าย หนี่ (Wo ai ni)
-`๏'- จีนแคะ เรียกว่า ไหง อ้อย หงี (Ngai oi ngi)
-`๏'- ฮกเกี้ยน เรียกว่า อั๊ว X ลู่ (Auo ai Lu)
-`๏'- ตุรกี เรียกว่า เซนี เซวีโยรัม (Seni Seviyorum )


Credit By Romeo

ที่มาของชื่อผลไม้--ขำขำ

ณ ตลาดผลไม้ ก็มีฝรั่งคนหนึ่งได้มาเที่ยวตลาดผลไม้ ฝรั่งก็มาดูที่กล้วยก่อนอื่น แล้วฝรั่งถามแม่ค้าว่า
"What is this ? "
แม่ค้าไม่รู้ภาษาอังกฤษ จึงไม่ได้ตอบอะไร ฝรั่งเห็นดังนั้นจึงลองบีบกล้วยดู บังเอิญฝรั่งมือหนัก จึงบีบกล้วยเละ แม่ค้าเห็นจึงร้องโวยวายว่า
" แบนแน่ๆ"
ฝรั่งได้ฟังจึงร้องอ๋อแล้ว ก็บอกว่า
"Oh Banana !"
หลังจากนั้น ฝรั่งก็มาชี้ที่มังคุดและถามว่า
"Is this mango ? "
แม่ค้าชายไทยโกรธที่ทำกล้วยเละ จึงบอกไปว่า
"แมงโกส้นTeen น่ะสิ"
ฝรั่งก็ร้องอ๋อ แล้วบอกว่า
"Oh mangosteen"
แม่ค้าได้ด่าฝรั่งไปแล้ว ก็พอจะหายโกรธบ้าง แต่พอ เหลือบไปเห็นฝรั่งเอามือที่เลอะกล้วยเละๆมาจับมะละกอ ซะเลอะเทอะ จึงยัวะมาก พอดี๊พอดีที่ฝรั่งก็ถามขึ้นมาอีกว่า
"What is this ? "
แม่ค้าไม่สนใจแล้ว แม่ค้าทำท่าจะหยิบสากขึ้นมา ด้วยต้องการจะตีหัวฝรั่ง แต่มีคนตะโกนมาห้ามแม่ค้าว่า "ป้าๆอย่า.."
ฝรั่งได้ยินดังนั้นจึงนึกว่ามีคนบอกชื่อมะละกอ จึงร้อง
"oh.. papaya"

กลอนขำขำ

อยากปั้นเธอให้เป็นดาวพราวพร่างฟ้า เป็นดาราสุกสดใสในเวหา
เป็นนางเอกอยู่กลางใจมวลประชา ติดอยู่ว่าน้ำหนักน้องสองร้อยโล


เธอเป็นหญิงที่สวยอย่างสุดๆ เธอมีจุดเด่นดีที่ใบหน้า
เธอดีเด่นอีกอย่างคือที่ตา แต่..ที่เด่นกว่าใดทั้งสิ้นกลิ่นเต่าเธอ


อย่าปิดบังฉันต่อไปใด้ใหมเล่า โปรดบอกความจริงอันปวดร้าวให้ฉ้นรู้
ไม่ต้องกลัวรับไม่ได้หรอกโฉมตรู ว่าเมื่อครู่โฉมตรูเพิ่งตดไป

Sunday, February 17, 2008

11 สถิติแปลกๆ

1. ถ้าคุณ "ตด" ต่อเนื่อง นาน 6 ปี 9 เดือน แก๊สที่ได้จะเทียบเท่าระเบิดปรณมาณูลูกนึงเลยทีเดียว
2. หัวใจมนุษย์มีแรงดันพอที่จะสามารถสูบฉีดเลือดได้ไกลถึง 300 ฟุต
3. แมลงสาบจะมีชีวิตอยู่ได้นาน 9 วันโดยไม่มีหัว ก่อนที่จะตายเพราะขาดอาหาร
4. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือ "ลิ้น"
5. มนุษย์และปลาโลมา เป็นสัตว์กลุ่มเดียวที่มี SEX เพื่อความสุขและความพอใจ
6. ชื่อที่โหลที่สุดหาใช่ "จอนห์" หรือ "ซาร่าห์" แต่เป็น "โมฮัมเหม็ด" ต่างหาก
7. เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไร ซ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว (แล้วยังจะกล้านอนกันอีกไม๊เนี่ย?)
8. คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงจะกลืนกินลิปสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
9. เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ "จาม" ทั้งๆที่ตายังเปิด (ไม่เชื่อก็ลองดูดิ)
10. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น มักให้เข็มนาฬิกาหยุดตรงที่ 10เพราะจะได้ดูเป็นรูปใบหน้ายิ้ม
11. ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน

กลอนเอามาฝาก

เล่นโยกังทั้งวันมันเหลือหลาย
เหล่าท่านชายยิง SF เทพหนักหนา
แรนออนไลน์ เกรียน สด กดกันมา
แต่สุดท้ายต้อง SAVE พาร์ ปังย่าเอย
แร็คนาลอค เกมส์น่ารักพักไว้ก่อน
เล่นเกมส์บอลร้อนแรงแห่งสมัย
เล่น NEED FOR ส่อแววแนวซิ่งไว
เล่นกันไปไม่หลับ กลับติด ร........... (เพราะมันไม่ตื่นไปโรงเรียนนั่นเองพี้น้อง 5+5+5)

Thursday, February 14, 2008

เรื่อง ขำขำ

มีเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน 300 คนบนเครื่องบินซึ่งเป็นเด็กที่อยู่คนละประเทศมี อเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่น เขมร และไทย ในขณะที่บินเครื่องกำลังบินไปอยู่นั้นได้เกิดอุบัติเหตุเครื่องยนต์ขัดข้องในระหว่างบิน กัปตันจำเป็นต้องลดน้ำหนักเครื่องบินโดยทิ้งสัมภาระต่าง ๆ ออกไป แต่น้ำหนักก็ยังเกินอยู่นิดหน่อย จึงจำเป็นต้องหาผู้เสียสละชีวิตจำนวน 4 คน เพื่อให้คนอื่นอีกสามร้อยกว่ารอดชีวิต
นักเรียนชาวอเมริการจึงยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า "เพื่อเสรีภาพ "ว่าแล้วก็กระโดดลงจากเครื่องบิน ผู้โดยสารต่างปรบมือในความเสียสละ
นักเด็กนักเรียนชาวเยอรมันคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว "HI Hitler" ว่าแล้วก็กระโดดลงจากเครื่องบิน ผู้โดยสารต่างปรบมือในความเสียสละ
คนต่อมาเป็นนักเรียนญี่ปุ่นลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว "จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นจงเจริญ" ว่าแล้วก็กระโดดลงจากเครื่องบินไป
ผู้โดยสารต่างก็ปรบมือในความเสียสละ
คนสุดท้ายต่างก็จ้องกันไปมองกันมา ผลที่สุดนักเรียนพม่าลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าว "บุเรงนอง" กล่าวได้เพียงแค่นั้นนักเรียนไทยลุกขึ้นยืน ทุกคนในเครื่องบินต่างก็ซาบซึ้งที่แย่งกันเสียสละชีวิต แล้วพูดว่า"เพื่อพระนเรศวรมหาราช เพื่อพี่น้องชาวบางระจัน" พูดจบก็ถีบชาวพม่าตกเครื่องบินไป

แหมเด็กไทยเราช่างฉลาดล้ำลึกเหลือเกิน เป็นผู้ที่เสียสละมาก 5+5+5

ความรู้รอบตัวแบบที่คุณไม่เคยรู้

1.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...
2.เม่นชอบช่วยตัวเอง...
3.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...
4.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...
5.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...
6.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...
7.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
8.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
9.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
10.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว
11.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed
12.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
13.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
14. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม
15.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น
16.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ
17.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง
18.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)
19.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต
20. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็มาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว

รักษาสุขภาพกับนาฬิกาชีวิต

ต่อมเล็กๆในสมองของมนุษย์ คือจุดควบคุมจังหวะสั่งการ ให้ร่างกายเคลื่อนไหวเป็นไปในลักษณะต่างๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากต่อมเป็นศูนย์รวมบัญชาการเหล่านี้ คือเครื่องชี้นำที่เราท่านมีความสุข หรือเป็นทุกข์กังวลเป็นความจริงที่ควรรับทราบ เพราะหากรู้ธรรมชาติตรงนี้ดีแล้ว จะได้แบ่งดูแลควบคุมพฤติกรรมในแต่ละวันของตนได้ เหมือนกับมีนาฬิกาภายในร่างกาย คอยชี้บอกให้ทราบว่าช่วงนี้ จังหวะร่างกายจะมีสภาพอย่างไร ศาสตร์ในเรื่องพฤติกรรมตรงนี้ นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าโครโนไบโอโลยี ถ้าหากเรารู้จังหวะ รู้จักระมัดระวัง ชีวิตก็จะอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้ไม่ยาก

06.00 น.ต้องยอมรับว่า หกโมงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายตื่นตัวที่สุด
07.00 น.เหมาะสำหรับเป็นเวลาอาหารเช้า ระบบการย่อยอาหารจะทำงานได้ดีที่สุดสารอาหารแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ จะถูกเปลี่ยน เป็นพลังงานได้อย่างสมบูรณ์
08.00 น.เป็นช่วงเวลาที่เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวบ่อยที่สุด เพราะเลือดในร่างกายเข้มข้นเลือดมีโอกาสจับตัวอุดตัน จนเกิดอันตรายได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น
09.00 น.สมองส่วนความจำจะทำงานได้ดีมาก ในช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องจำสมองจะรับและบันทึกไว้ได้ดีที่สุด
10.00 น.ถ้าเป็นไปได้ ควรนัดเจรจาเรื่องสัญญากับวิเคราะห์ด้วยเหตุผล และการพูดจาระหว่างการสนทนาจะออกมาเป็นจุดเด่นในช่วงนี้
11.00 น.ร่างกายในช่วงที่สามารถให้ประสิทธิภาพได้สูงสุด หัวใจและระบบไหลเวียนของโลหิตทำงานได้เต็มที่ช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอนหรือต่อสู้กับสภาพของงานมนุษย์จะทำได้ดีที่สุด
12.00 น.จุดหักมาถึงแล้ว สมาธิเริ่มแย่ อุบัติเหตุในการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นถ้าไม่หยุดพักจะทำให้เกิดความเสียหายหายตามมาได้
13.00 น.กระเพาะอาหารเตรียมทำงานของมันด้วยการหลั่งกรดออกมา ต้องหาอะไรรับประทานให้ได้ ไม่งั้นโรคกระเพาะอาหารจะตะโกนถามหา
14.00 น.ถ้าหากด้องการประดิษฐ์ประดอยอะไรเพื่อเซอไพรส์คนรักคนชอบละก็ ให้รีบทำทำซะตอนนี้เพราะเป็นช่วงที่มือไม้ทำงานได้ประณีตดีที่สุด
15.00 น.พลังงานแห่งการทำงานกลับมาอีกครั้ง ความจำขึ้นถึงสูงสุดอีกครั้งช่วงนี้น่าจะหาโอกาสเข้าพบเจ้านายเพื่อขึ้นเงินเดือนได้ ในช่วงนี้จิตใจจะไม่กลัวการเผชิญหน้าใดใด
16.00 น.มนุษย์จะทนต่อความเจ็บปวดได้ดีที่สุดในชั่วโมงนี้ ถ้าจะไปทำฟันก็เลือกประมาณนี้แหละถ้าทำได้ ยาชาเข็มนึงจะมีผลพอๆกับการได้รับ 3 เข็ม เลยทีเดียว
17.00 น.แรงดันและการไหลเวียนของโลหิตจะเคลื่อนไหวได้ดีมาก เป็นเวลาที่เหมาะสมกับการเล่นกีฬาออกกำลังกาย กล้ามเนื้ออยู่ในช่วงที่แข็งแรงที่สุด และเมื่อได้ฝึกอย่างถูกวิธี ก็จะเกิดความแข็งแรงรวดเร็วมาก18.00 น.จงระวังขณะขับรถอยู่บนถนน ช่วงนี้ผู้คนจะเหนื่อยเพลีย และขาดสมาธิมากกว่าช่วงเวลาชั่วโมงอื่นๆเป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งที่สุด
19.00 น.สมองได้รับเลือดหล่อเลี้ยงมากเพียงพอ เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันในช่วงนี้ จะสามารถแก้ไขให้ลุล่วงดี ได้เร็วมาก
20.00 น.คนเราเริ่มสดชื่นหลังการพักผ่อน ที่ต้องทำงานตลอดทั้งวัน แล้วเป็นช่วงดีสำหรับการพบปะหมู่มิตรใครที่อยากจะบอกรัก ขอใครแต่งงานควรจะทำในชั่วโมงนี้โอกาสประสบความสำเร็จมีมากที่สุด
21.00 น.กระเพาะอาหารจะหยุดทำงานพอถึงช่วงเวลานี้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารหนักเพราะไม่เช่นนั้น ก็จะไปครั่งค้างในกระเพาะ เกิดผลเสียหายตามมา
22.00 น.ถึงเวลาเข้านอนแล้ว ความดันโลหิตจะลดลงพร้อมๆกับอุณหภูมิของร่างกายที่ต่ำลง การนอนหลับก่อนเที่ยงคืนเป็นการหลับที่สนิท และช่วยให้การพักผ่อนอย่างเต็มที่มากกว่าช่วงอื่น
23.00 น.ร่างกายกำลังผ่อนคลาย สมองทำงานน้อยลง ถ้าดูหนังสือช่วงนี้ วันต่อไปก็จะจำไม่ได้ เป็นส่วนใหญ่
24.00 น.ใครที่ยังไม่หลับควรให้โอกาสนี้สำหรับการสร้างสรรค์ จะเป็นงานเขียน วาดรูปหรือแต่งเพลงล้วนเป็นช่วงเวลาที่วิเศษทั้งสิ้น เพราะสมองปลอดโปร่งคิดโน่นคิดนี่ได้ดีที่สุด
01.00 น.ถึงตอนที่สมองเหนื่อยล้าที่สุดแล้ว ร่างกายอยากพักผ่อนเต็มที่ แม้จะชาชินกับงานกลางคืนมาเป็นปี แต่พอเข้าชั่วโมงนี้จะรู้สึกว่าเหนื่อย เพลีย ง่วงที่สุด
02.00 น.ฮอร์โมนเมลาโตนิน ถูกขับออกมามาก ทำให้คนเราเลื่อนลอย เหนื่อยล้าและมีโอกาสคิดสั้นฆ่าตัวตายมากที่สุด
03.00 น.ในร่างกายมนุษย์ทุกอย่างแทบจะหยุดนิ่ง ใครที่จุดบุหรี่สูบมีโอกาสหลับทั้งๆที่ยังคาบบุหรี่อยู่ในปากนั่นเลย ช่วงนี้มีโอกาสไฟไหม้บ้านมาก
04.00 น.ร่างกายเริ่มตื่นขึ้นมาทำงานอีก เพราะมีฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งใช้ต่อสู้กับความเครียดหลั่งออกมาคนเป็นโรคหืดหอบจะมีปัญหากับการหายใจ
05.00 น.ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แก่ทั้งหลาย ควรตระเตรียมข้าวของให้พร้อมสำหรับชั่งโมงนี้ เพราะตามสถิติเด็กทารกจะคลอดออกมาลืมตาดูโลกระหว่างชั่วโมงนี้มากที่สุด

เป็นยังไงกันบ้าง อ่านมาถึงนี้แล้วคงจะพอทำให้รู้ได้นะว่าเวลาไหนเราควรหรือไม่ควรทำอะไรยังไงก็รัษาสุขภาพกันหน่อยนะครับ

Wednesday, February 6, 2008

ฝันหวาน

ในช่วงชีวิตหนึ่ง เราอาจจะได้เรียนรู้จักกับคำว่า รัก ซึ่งเมื่อเราเปิดตำราเล่มนี้ขึ้น ตัวเรานั้นก็เหมือนกับตกอยู่ในเวทย์มนต์อะไรสักอย่าง อยากจะเห็นหน้า อยากจะคุย อยากจะเล่นด้วย เสียงหัวเราะของเขาคนนั้น มันทำให้ใจเราสดชื่น ขึ้นมาทั้นที

หิมะแรก

บางที่ที่เรายังมีความหวัง คนเรามักจะหวังเพ้อๆ ลมแล้งๆ ที่มันไม่อาจจะเป็นไปได้ แต่ตัวของฉันนั้นไม่หวังอะไรมาก แค่อยากอยู่ทันหิมะแรกที่จะมันกำลังจะตกในช่วงเวลาอีกไมนาน นั่งดูหิมะพร้อมกับคนที่เรารัก ใต้แสงเทียน ที่สลัว ๆ หิมะแรก เขาบอกว่า ถ้าตกลงมาแล้ว ถ้าเราอธิษฐานอะไรไปแล้วสิ่งนั้นจะสำเร็จ ฉันก็เลยรอ รอ วันนั้นฉันรอเวลาที่จะได้อธิษฐานอย่างมีความหวัง ว่า เรา 2 คนจะได้อยู่ด้วยกัน โดยที่มัจจุราช ยังไม่พาใครคนหนึ่งจากเราไปก่อน

ธนาคารแห่งกาลเวลา

ลองจินตนาการว่า มีธนาคารแห่งหนึ่งเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้าเป็นเงิน 86,400 บาท ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น.... ทุกตอนเย็นจะลบยอดคงเหลือทั้งหมดที่คุณไม่ได้ใช้ระหว ่างวัน.... คุณจะทำอย่างไร? แน่นอนที่สุดคุณต้องถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์...ใช่ไห ม... เราทุกคนมีธนาคารอย่างนั้นเหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า "เวลา" .....มันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที.... วินาที...ทุกคืนมันจะถูกล้างบัญชีถือว่าขาดทุน ตามจำนวนที่คุณพลาดโอกาสที่จะลงทุนในสิ่งดีๆ มันไม่สะสมยอดคงเหลือ ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ในแต่ละวันจะเปิดบัญชีใหม่ให้คุณ.... ทุกค่ำคืนจะลบยอดคงเหลือของทั้งวันออกหมด ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนเป็นของคุณ ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ ไม่มีการถอนของ "วันพรุ่งนี้" มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยยอดเงินฝากของวันน ี้ ให้ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อได้ผลตอบแทนมาสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น...เพื่อสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ... นาฬิกากำลังเดิน...ทำวันนี้ให้ดีที่สุด... จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งปี ให้ไปถามนักเรียนที่สอบตกต้องซ้ำชั้น... จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งเดือน ให้ไปถามคุณแม่ที่คลอดลูกก่อนกำหนด จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งสัปดาห์ ให้ไปถามนักเขียนหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งชั่วโมง ให้ไปถามคนรักที่กำลังรอคอยตามนัดหมาย จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งนาที ให้ไปถามคนที่เพิ่งพลาดขบวนรถไฟ จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา หนึ่งวินาที ให้ไปถามคนที่เพิ่งรอดหวุดหวิดจากอุบัติเหตุ จะรู้ถึงคุณค่าของเวลา เสี้ยววินาที ให้ไปถามคนที่เพิ่งชนะได้รางวัลเหรียญทองโอลิมปิค ทำทุกขณะที่คุมีให้มีคุณค่า... และทำให้มีคุณค่ามากขึ้นไปอีกเพราะ คุณใช้มันร่วมกับ...คนพิเศษบางคนของคุณ....ให้พิเศษเ พียงพอที่จะใช้เวลาของคุณ และจำไว้เสมอว่าเวลาไม่เคยคอยใคร...แม้สักคนเยว เมื่อวานเป็นอดีต...พรุ่งนี้ยังยากที่จะอธิบาย....วั นนี้เป็นของขวัญ นั่นไงทำไมมันถึงถูกเรียกว่า..."Present" แสดงให้เพื่อนเห็นว่าคุณแคร์เขามากแค่ไหนด้วยการส่งข ้อความนี้ไปให้ทุกคน ที่คุณพิจารณาแล้วว่า เขาคือ......"เพื่อน"